Beauty is my Passion

Phaptawan

Recent Posts

Sunday, April 7, 2013

Review : YSL Touche Éclat



สวัสดีค่ะทุกคน
เป็นไงกันบ้างคะ สบายดีรึเปล่า

เรารู้สึกว่าตัวเองหายไปนานมากจากการเขียนบล็อก
ยังจำ แพรว mesummerkisses กันได้รึเปล่าคะ55

เพิ่งเริ่มทำงานค่ะ เลยไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่่ก็ยังตั้งใจว่ายังไงจะไม่ปล่อยให้บล็อกร้างใยแมงมุมขึ้นแน่นอน555

วันนี้เราก็จะมารีวิวผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่สดๆร้อนๆ
Yves Saint Laurent ค่ะ
จริงๆแล้วเราเปิด Member มาเรียบร้อยแล้วด้วยยอดซื้อ 5300 บาท

สิ่งที่ได้มาก็คือ
1. Touche Éclat #2.5 ปากกาไฮไลต์
2. Mascara Volume Effet Faux Cils WP #1(สีดำ)
3. ตลับแป้งผสมรองพื้น
4. Le Teint Touche Éclat Compact #B30 แป้งผสมรองพื้น


(ภาพหมู่ค่ะ เรียงตามลำดับข้างบนเลยค่ะ จากซ้ายไปขวา)

(ใบเสร็จ แลกพ้อยต์ the1card 40 พ้อยต์ ลดได้ 10% เหลือประมาณ 4700 นิดๆ)


วันนี้ที่เราจะเอามารีวิวให้รัับชม ก็คือ ปากกาไฮไลต์ Touche Éclat
iconic product ของ YSL นั่นเองค่ะ
(เดี๋ยวชิ้นที่เหลือจะทยอยตามมานะคะ ไม่อยากให้ยาวเกินไป กลัวเบื่อกันซะก่อนค่ะ)


มาเริ่มกันเลยนะคะ ;)

Touche Éclat (ทุช เอคลา)




(กล่องสีทองสวยงามแสบตา55)

เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันมานานแล้วในฐานะที่ว่าเป็น concealer ใต้ตา
อย่างเราเองก็เคยใช้มาก่อนสมัยอยู่ม.ปลาย
ตอนนั้น จำได้ว่าทุช เอคลา มีให้เลือกแค่สามสี
คือ เบอร์ 1, 2 แล้วก็ 3 และทุกโทนสีที่มีให้เลือกนั้น ออกชมพูหมดเลย
ตอนนั้นเราซื้อเบอร์ 2 มาใช้ แต่ด้วยความที่เป็นคน undertone เหลือง
เลยรู้สึกว่าพอทาแล้วลอยๆ ไม่กลมกลืนกับผิวอย่างที่คิด
พอใช้หมดหลังจากนั้นก็ขาดสัมพันธ์กับ ทุช เอคลาไป
แต่พอเคาน์เตอร์มาเปิดใหม่ เค้าได้เอาสีใหม่พวกที่ลงท้ายด้วย .5
ที่เป็นสีอมเหลืองเข้ามาด้วยซึ่งดีต่อคนผิวโทนเหลืองมากๆ
เพราะเข้ากะผิวได้ง่าย ไม่ลอยค่ะ

(เราซื้อสี 2.5 มาค่ะ ชื่อสี Luminous Vanilla)

(เอกสารประกอบการใช้ที่ใส่มาในกล่องค่ะ)

(ดูเบอร์ที่ตรงก้นสีดำนะคะ)

(เปิดปอกออกมาแล้วเป็นหัวพู่กันแบบนี้ค่ะ
เวลาใช้ต้องกดปุ่มตรงก้นซักประมาณ30+ครั้งก่อน
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาที่ปลายพู่กันก่อนนะคะ)

รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ :
The beauty secret of the world's top makeup artists and models, 
Touche Éclat is the original must-have for a radiant, flawless face.

Capture 8 hours of sleep with the click of a pen. 
With a few strategic strokes of this award-winning complexion highlighter—dark circles, 
fine lines and signs of fatigue virtually disappear. 
Powered by the radiance-boosting Luminocaptide Complex, 
skin is instantly illuminated, so you look rested and refreshed
—even if you’ve been up for hours. Sleek and sophisticated, it discretely 
slips into a makeup bag for quick touch-ups anytime. 
It’s the one beauty essential no woman should ever be without.


คือ จริงๆแล้วทุชเอคลาไม่ได้เป็นแค่คอนซีลเลอร์ใต้ตา
แต่ยังสามารถใช้กับส่วนอื่นบนใบหน้าได้ในฐานะ hilighter รูปแบบปากกา
อยากให้ตรงไหนดูโดดเด่นขึ้นมาก็สามารถทาแล้วเกลี่ยลงไปบริเวณนั้นได้เลย
จะทำให้ผิวส่วนนั้นดูกระจ่างขึ้น ดูสว่างสดใสขึ้นค่ะ


มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันค่ะ

(ปาดลงไปจากบริมาณ 1 คลิก)

(เกลี่ยลงไปให้กลืนกับผิวแล้ว)

ทุช เอคลา จะเป็นเนื้อครีม ไม่มัน ไม่เหนียว ไม่หนัก และแห้งค่อนข้างไว
เม็ดสีไม่หนา ไม่เน้นการปกปิด แต่ว่าจะเน้นการกระจายแสง
ให้ผิวบริเวณที่ทาดูสว่างขึ้น แทนที่จะไปกลบให้หนาจนปิดมิดนั่นเองค่ะ


ทาบนมืออาจไม่เห็นความแตกต่าง
เราก็ขอแสดงความจริงใจ โดยการพลีหน้าเปลือย55
 ให้ดูกันชัดๆไปเลยเหมือนเดิมค่ะ :D
(มาดูรูปแล้วรู้สึกว่าหน้าโหดนิดนึง ลืมยิ้มอ้ะ555)


(หน้าเปลือยเปล่ามีแค่กันแดด 1 ชั้น 
รอยคล้ำใต้ตาชัดเจน ไม่ต้องออกแรงเพ่ง เด่นมาก555)


 
(ทา ทุช เอคลาลงไป ใต้ตาหนึ่งข้าง ใช้ปริมาณ 1 คลิกเท่านั้นค่ะ
แล้วจะใช้นิ้วหรือแปรงเกลี่ยก็ตามถนัด ของเราใช้แปรงขนาดเล็กค่ะ)


(ซูมให้ดูกันค่ะ เห็นความแตกต่างมั้ยคะ 
ด้านซ้ายที่ทาแล้ว กับด้านขวาที่ยังไม่ได้ทา
ความต่างชัดเจนมากนะ แต่สีดูเป็นธรรมชาติมากๆ
เหมือนข้างที่ทาเป็นสีผิวเราจริงแต่ไม่หมอง)


(อันนี้เป็นท่าสูตร555 ทาลงไปบริเวณที่เป็นจุดไฮไลต์ค่ะ แล้วเกลี่ย)

(เกลี่ยออกมาแล้วเป็นแบบนี้นะ หน้าดูสว่างขึ้นโดยดูเป็นธรรมชาติ
ดูไม่โบ๊ะหนา ไม่ขาวหลอก)


สรุป :
ตามความเห็นส่วนตัวนะคะ คิดว่าเป็น hilighter ที่ดีมากตัวนึงเลยนะ
 เพราะเนื้อโปร่ง แล้วก็ช่วยในเรื่องของการกระจายแสงได้ดี 
ด้วยความที่โปร่งจึงทำให้ blend กับผิวไปได้ง่าย แต่ก็ทิ้งความสว่างไว้
ทำให้ใบหน้าดูสว่างสดชื่นขึ้นมาได้แบบเนียนเป็นธรรมชาติมากๆจริงๆ

ข้อดี :
เป็นธรรมชาติ ใช้ง่าย เบา สบาย ทำให้หน้าสว่างขึ้นจริง
หากใช้สีที่เข้ากับตัวเองก็จะรู้เลยว่าทำไมถึงเป็น
 iconic product ของ YSL มาได้ถึง 20 ปี เพราะเป็นเหมือนการเพิ่มแสงให้กับใบหน้า
โดยที่ยังเห็นผิวจริงของเราอยู่ แต่ตรงที่ทานั้นสว่างสดใสขึ้นมาจริงๆ

ข้อเสีย :
ไม่ปกปิด เพราะเนื้อบางเบาและเม็ดสีไม่หนัก
หากต้องการการปกปิดชนิดที่ว่า มิดชิด กลบรอยดำสิว เอาให้อยู่
ทุช เอคลา ไม่สามารถค่ะ ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์แบบเนื้อครีมแทน



ข้อเสนอแนะ :
จากการใช้จริงนะคะ
สำหรับวันไหนที่ไม่แต่งหน้าก็อาจจะแค่ทากันแดด
แล้วตามด้วย ทุช เอคลาตรงบริเวณที่หมองคล้ำ หรือไม่ก็แค่ใต้ตา
แล้วอาจเติมทิ้นต์นิดหน่อย ก็ออกไปไหนมาไหนได้สบายละ
ให้ลุคสวยธรรมชาติ อาจไม่ได้สวยมากเหมือนแต่งหน้า แต่ก็ไม่ดูโทรมแน่นอน
ถ้าปกติแต่งหน้าทารองพื้นก็ให้ทาทุชเอคลาหลังทารองพื้นได้เลยค่ะ
 เหมือนการใช้ไฮไลต์ทั่วไป

เรื่องเป็นคราบก็ไม่มีมากวนใจนะคะ จากการที่ได้ใช้มา
เพราะสามารถทาแล้วก็จบได้เลย ไม่ต้องเซ็ตด้วยด้วยแป้งใดๆ
เพราะอย่างที่บอกด้านบน คือ เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างแห้งเร็ว
ก็จะไม่เยิ้มอยู่แล้ว แต่ถ้าหน้ามันมากเว่อ 
อันนี้ก็อาจต้องตบแป้งช่วย ตามปกติค่ะ

และอย่างที่บอกว่าเนื้อบางเบานะคะ
จริงๆแล้ว ทุช เอคลา สามารถลงทับเมกอัพได้เลย
เช่น ทาแป้ง ทารองพื้นมาแล้ว แล้วอยากทัชอัพให้เมกอัพสวย หน้าดูสดใส
ก็อาจใช้ทิชชู่ซับความมันออกก่อน แล้วทาทุชเอคลาลงไป
แล้วเกลี่ยค่ะ ในที่นี้อาจลงเพิ่มบริเวณใต้ตา หรือส่วนอื่นๆได้เลย
แต่ทั้งนี้ ก็มีข้อควรระวังนะคะ คือ ถ้าผิวแห้งมากๆ(เช่น ทานยาต้านสิว เป็นต้น)เนี่ย
ก็อาจเกลี่ยไม่ไปได้ แต่ถ้าหากผิวมัน ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ
เกลี่ยง่าย ลื่น เนียน แน่นอน55 
แล้วก็ที่ต้องระวังอีกอย่างก็คือหน้าแต่งมาแน่นมากหนามากค่ะ
นั่นก็อาจเกลี่ยยาก เกลี่ยไม่ไปได้เหมือนกัน



อ่านกันมาถึงตรงนี้ ต้องขอขอบคุณที่ติดตามรับชมกันนะคะ
รู้ว่าเป็นคนเขียนอะไรสั้นๆไม่ค่อยได้นะ55
เพราะอยากให้รู้ข้อมูลกันแบบละเอียดๆจริงๆ
หวังว่าคงชอบกันนะคะ

ปล. ขอติดรีวิว แป้งผสมรองพื้น Le Teint Touche Éclat Compact
กับ Mascara Volume Effet Faux Cils WP อยู่อีกสองรีวิวไว้ก่อนนะคะ
จะรีบเขียนตามมาให้ได้อ่านกันแน่นอนค่ะ


แล้วพบกันใหม่นะคะทุกคน ;)







Share:

Saturday, February 2, 2013

Swatches : YSL - ROUGE PUR COUTURE VERNIS À LÈVRES GLOSSY STAIN



สวัสดีค่ะทุกคน
ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบล็อกมาพักนึง
หวังว่าคงยังไม่ลืมกัน
ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งมากเลย กิจกรรมร้อยแปดมาก
บทจะว่างก็ว่างมาก บทจะยุ่งก็ไม่ค่อยจะมีเวลาเลยค่ะ หุหุ



วันนี้เราก็มี Swatches มานำเสนอให้รับชมกันค่ะ
ยาวเหมือนเดิมนะคะ(บอกให้เตรียมใจกันแต่เนิ่น55)


และผลิตภัณฑ์คราวนี้คือ...

YSL - ROUGE PUR COUTURE VERNIS À LÈVRES GLOSSY STAIN

ทั้งหมด 8 สีด้วยกันค่ะ

(หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ที่มา)




เห็นบรรจุภัณฑ์กันแว๊บแรกก็ต้องคิดว่า"กลอสหรอ?" ... แต่มันไม่ใช่ค่ะ
เพราะมันคือ ลิปคัลเลอร์แบบใหม่ที่รวมเอาทั้ง 
"กลอส" "สเตน" และ "ลิปสติก" เอาไว้ด้วยกัน(โอ้ว!)
มีเนื้อสัมผัสบางเบา กลมกลืนไปกับริมฝีปาก
โดยที่ให้เม็ดสีชัดเจนเหมือนลิปสติกและให้ความเงาเหมือนลิปกลอส
ทั้งยังติดทนนานเหมือนลิปสเตน แถมยังให้ความชุ่มชื้นอีกด้วยค่ะ




ข้อมูล :
A revolutionary new lip product! 
Rouge Pur Couture Vernis à Lèvres Glossy Stain combines the 
texture and shine of a gloss with the long-wear of a stain 
for a truly innovative lip product. A lightweight texture that immediately melts onto lips. 
Rouge Pur Couture Vernis à Lèvres Glossy Stain delivers 
intense glossy colour for an extremely long lasting new kind of shine. 
The applicator’s unique slanted tip and short soft 
bristles allow for flawless application with perfect precision. 


How to use:



FOR NATURAL SHINE

Apply one coat on the center of the lips and brush towards the outer corners. 



FOR MORE COVERAGE AND SOPHISTICATION

Apply two coats using the outer curved side of the applicator, then dab on the formula generously over lips.  



ความเห็นส่วนตัว :

แปลกใหม่ดีค่ะ เพราะไม่เคยเห็น stain+gloss+lipstick ในแท่งเดียวมาก่อน
ที่เคยเห็นๆมาก็จะเป็น gloss+lipstick ที่ทาปากแล้วสีชัดแถมปากวาว 
หรือ lipstick+stain ที่แม้ลิปสติกลบไปปากก็ยังแดงอยู่
แต่อันนี้รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันในแท่งเดียวเลย เลอเลิศ555

จากการที่ได้ลองทาลองใช้มาพบว่า น่าประทับใจค่ะ แม้ว่าจะทานอะไรไปสีก็ยังอยู่ดี


ข้อดี :

ความเป็น stain ของมันเริ่ดกว่าที่คิด เพราะว่า แม้จะลบเลือนไปแล้ว
แต่สีที่มันทิ้งไว้บนริมฝีปากของเราก็เป็นสีเดียวกับที่เราทาเป๊ะๆ เน้นว่าเป๊ะๆ
ที่เคยๆใช้มามักจะแบบที่เป็น lipstick+stain ที่พอสีลิปติกลบแล้ว มันเหลือความแดงจริง
แต่มันไม่ใช่สีเดียวกะลิปสติกที่เราทาแต่แรกอ่ะ

ส่วนความเป็นลิปสติก ให้สีชัด เม็ดสีชัดเจนมาก สีไหนสีนั้น
(รอดูตอนทาด้านล่างได้เลยค่ะ)
แต่ตอนแรกๆที่ทาสีมันจะไม่เหมือนในแท่งเป๊ะๆ แต่ทิ้วไว้ซักแป๊บ
สีก็จะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับที่เห็นในแท่งเลยค่ะ

ความเป็นกลอส มันวาว แต่ลื่น ไม่เหนียวเลยค่ะ
คือ มันจะมีอะไรเคลือบปากไว้ แต่เราจะไม่รู้สึกหนาหนักเมื่อทาเลย
ไม่มีความรู้สึกเหนียวเหมือนเวลาทากลอสตามปกติ เม้มปากดู ลื่นมาก
ให้ความชุ่มชื้นอีก สบายปากมากเลย


ข้อเสีย:
สำหรับคนที่ใช่ครั้งแรกๆอาจจะทายาก เพราะมันเป็นของเหลว
แถมมีสีชัดเจนมาก อาจจะทาแล้วเลอะได้ง่าย แถมสีนั้นยังติดทน
ยิ่งทาเลอะแล้วไม่รีบเช็ด ทิ้งไว้นานสีมันก็ติด มาแก้มาเช็ดทีหลังก็จะออกยากค่ะ



ไม่พูดต่อให้ยาวไปกว่านี้ละ555
มาดูรูปกันเลยดีกว่าค่ะ ;)

(จากซ้ายไปขวา 2-Brun Glace, 3-Brun Cachemire, 6-Camel Croisiere, 7-Corail Aquatique, 13-Rose Tempera, 16-Pourpre Preview, 18-Rose Pastelle และ 19-Beige Aquarelle )
(ทั้งหมดได้มาจากคุณน้าค่ะ)


ปาดให้ดูบนแขน

(ซูมให้ดูใกล้ๆเลยค่ะ สีเรียงตามลำดับข้างบน 2-Brun Glace, 3-Brun Cachemire, 6-Camel Croisiere, 7-Corail Aquatique, 13-Rose Tempera, 16-Pourpre Preview,18-Rose Pastelle และ 19-Beige Aquarelle)



ริมฝีปากเปล่าๆค่ะ
(ยังไม่ได้ทาอะไรเลยนะคะ สีมันจะออกชมพูหน่อยอยู่แล้ว)


รูปหน้าที่ถ่ายไม่ได้ปรับแสงใดๆนะคะ 
ถ่ายจากกล้องหน้า iPhone5 ยังไงยังงั้นเลย
แต่คิดว่าสีค่อนข้างตรงกับสีจริงมากอยู่ค่ะ



มาเริ่มจากสีแรกของเรากันเลย
ตาตัวเลขค่ะ จากน้อยสุดไปหามากสุดนะคะ



2-Brun Glace


(ทา 1 ชั้น)


(ทา 2 ชั้น)

2-Brun Glace : สีออกน้ำตาลแดงๆเข้มๆ จะว่าสีเหมือนไวน์แดงก็ไม่เชิง
แต่จากทุกสีชอบสีนี้มากสุด สวย Vampนิดๆ Gothหน่อยๆ 555


------------------------------------------


3-Brun Cachemire


(ทา 1 ชั้น)

(ทา 2 ชั้น)

3-Brun Cachemire : มาโทนเดียวกับสีแรกค่ะ อมน้ำตาลเหมือนกัน
แต่อันนี้ออกชมพูมากกว่าแต่สีก็สวยมากเหมือนกัน


--------------------------------------------


6-Camel Croisiere


(ทา 1 ชั้น)

(ทา 2 ชั้น)

6-Camel Croisiere : สีส้มอมแอบชมพูนิดๆ สีสวย สดใส น่ารัก ตามที่เห็นเลยค่ะ


----------------------------------------------


7-Corail Aquatique


 (ทา 1 ชั้น)

(ทา 2 ชั้น)

7-Corail Aquatique : สีชมพู Coral ส้มๆ ให้ลุคสวยๆ ใสๆค่ะ


------------------------------------------------


13-Rose Tempera


(ทา 1 ชั้น)

(ทา 2 ชั้น)

13-Rose Tempera : ชมพูอมแดง ประมาณ Hot pink สวยมากจริงๆ ไม่รู้จะพูดอะไรอีก55
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนสีนี้ก็จะเป็นหนึ่งในสี signature ของ YSL เลยมั้งคะ


--------------------------------------------------------


16-Pourpre Preview


 (ทา 1 ชั้น)

(ทา 2 ชั้น)

16-Pourpre Preview : สีชมพูอมม่วง ให้ความรู้สึกเปรี้ยวกว่าทาสีแดงอีกอ่ะ สวย
ตอนทาเสร็จใหม่ๆนึกถึงหนัง แบบ Sci-fi โลกอนาคตนิดๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน555


-----------------------------------------------


18-Rose Pastelle



 (ทา 1 ชั้น)

 (ทา 2 ชั้น)

18-Rose Pastelle :  ชมพูซีดหวานใสสุดๆ 
เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องชอบสีนี้เพราะสีน่ารักเกินห้ามใจมาก 
ไม่มีทำพูดในนอกจากสวยหวาน ชมพูนมนี้น่ารับประทานเป็นที่สุด


------------------------------------------------------


19-Beige Aquarelle


 (ทา 1 ชั้น)

  (ทา 2 ชั้น)

19-Beige Aquarelle : ชมพูหวานๆ ไม่รู้อะอธิบายอะไรอีก นอกจากสีสวยและหวานจริงๆ


-----------------------------------------------------


มาถึงขั้นตอนท้าพิสูจน์กันค่ะว่าที่ว่าเป็น stain ติดทนนั้น มันทนขนาดไหน
จากรูปข้างบนที่ปาดให้ดูบนแขนกัน เราก็ทาทิ้งไว้เลยขณะที่ถ่ายรูปไป
จนถ่ายรูปเสร็จครบทุกสีเราก็ค่อยมาเอาทิชชู่เช็ดออกค่ะ

(เช็ดออกด้วยทิชชู่ 1 ครั้ง)

 (เอามือถูอย่างแรงตามอีกรอบค่ะ)

จะเห็นได้ว่า มันติดทนจริงๆ และที่สำคัญคือ สี ไม่เปลี่ยนไปเลยค่ะ
ทาตอนแรกสีไหน สีที่ติดเป็น stain ก็สีนั้นเลย เราว่าตรงนี้ประทับใจสุด
ทาทีนึงลืมแล้วก็ไปได้เลย ยิงยาว5555


--------------------------------------------------


ตอนนี้เคาน์เตอร์ YSL ในเมืองไทยยังไม่มีค่ะ
แต่เห็นว่ากำลังจะเปิดในไทย
ใครไม่ได้บินไปไหนหรือไปซื้อใน Duty free ก็คิดว่าเดือนมีนาไม่น่าจะนานเกินรอ
เดือนสองเดือน ก็อีกแป๊บๆเองเนอะ




ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ ;)








Share:

Saturday, January 12, 2013

How to: Natural makeup for BAKA69


สวัสดีค่ะทุกคน
สบายดีกันมั้ยคะ :) 
ขึ้นปีใหม่ก็ขอให้ทุกๆคนมีแต่เรื่องดีๆตลอดทั้งปีเลยนะคะ

entry นี้ถือเป็น entry แรกของปีของเราเลย
เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งหน้ามาแบ่งปันกันอีกเช่นเคยค่ะ

เมื่อช่วงต้นเดือนเรามีนัดกับน้องๆที่คณะไปออกกองถ่ายแฟชั่นเซ็ตค่ะ
จะว่าเป็นครั้งแรกที่เป็นช่างแต่งหน้าให้กับการถ่ายภาพแฟชั่นก็ไม่ถูก
เพราะก่อนหน้านี้เราก็ได้มีโอกาสไปแต่งให้แบรนด์เสื้อผ้าของเพื่อนมาบ้าง
แต่งานครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะงานของเราจะไปอยู่ใน
หนังสือ "BAKA" ของ งานบอลจุฬา-มธ.ครั้งที่ 69 ค่ะ
ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ 5555

ธีมการแต่งหน้าที่ได้รับมาจากการประชุมของแฟชั่นเซ็ตนี้ก็คือ...
"ให้สวยแบบธรรมชาติๆ ใสๆ นึกถึงคนใส่เสื้อผ้า uniqlo"
เราก็ไปทำการบ้านหารูปมาอ้างอิง แล้วก็มาลงตัวกับตาสีน้ำตาล
โดยที่ส่วนอื่นของใบหน้าก็ใสๆ ผมก็สบายๆ

และ! เราก็ไม่ลืมที่จะมาทำ video tutorial สอนแต่งหน้าตามนางแบบในคราวนี้ด้วย
สอนแต่งหน้าคราวนี้ขอบอกเลยว่า ได้อัดวิดีโอมาเป็น HD จะได้เห็นกันชัดๆ
ซูมกันเต็มๆ เอาให้สบายตา(รึเปล่า55) ไม่ต้องคอยเพ่งกันว่า ทาอะไรยังไงเลยค่ะ
คิดว่าแต่งตามไม่ยาก ขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่งตามได้สบายๆในชีวิตจริง
หวังว่าจะชอบกันนะคะ ;)


ไปดูเต็มๆกันได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=c_jP6d12LGM




finish look  ใสๆค่ะ




(iPhone5 กล้องหน้าเขาชัดจริง)


 (ภาพนี้ถ่ายโดยเพื่อนมีนค่ะ)



-------------------------------------------------------------------------------------


ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ
เพราะเราก็มีภาพแอบถ่ายตอนทำงานมาด้วย
น้องๆน่ารักมาก เม้ากันสนุกทั้งกองเลยค่ะ






นายแบบนางแบบคราวนี้มีกันทั้งหมด 4 คน ชายสองหญิงสอง
อยู่ปีหนึ่งกับปีสามค่ะ  แหม...เด็กๆรุ่นนี้มันหน้าตาดีจริงๆ55



 (ถ่ายกับนางแบบและน้องมิ้นทีมงานค่ะ)


(โอมสไตลิสต์ขโมยซีนเว่อออออ 5555)

(กับน้องอินดี้)

(กับน้องแอ๊ม)

(กับน้องกิจ)

(กับน้องแป้ง)



อย่าลืมดูวิดีโอกันนะคะ!!!!(555)


ขอบคุณที่ติดตามรับชมนะคะ
แล้วพบกันใหม่ entry หน้าค่ะ
<3<3<3




Share:

Friday, December 21, 2012

How to: Smokey and Fierce


สวัสดีค่ะทุกคน
เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าทุกคนคงสบายดีกัน :D

ไม่ได้อัพบล็อกมาพักนึงเพราะว่าเตรียมตัวสอบค่ะ
พอสอบเสร็จแล้วก็ว่างหน่อย

วันนี้มีวิดีโอสอนแต่งหน้ามานำเสนอกันอีกแล้วค่ะ
คราวนี้เป็นแต่งตาแบบเข้มๆ smokey and fierce เปรี้ยว เฉี่ยว คม
จริงๆตั้งใจจะทำมานานแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้
คราวนี้ได้ทำวิดีโอตามที่ตั้งใจไว้ ก็หวังว่าจะชอบกันนะคะ

วิดีโอไม่ค่อยชัดเท่าคราวที่แล้วต้องขออภัยด้วย
เราเป็นเจ้าของวิดีโอเองยัังขัดใจเลยค่ะ
คราวที่แล้วอัดด้วยกล้องหน้า iPhone5 ซึ่งของเราพัง รอเปลี่ยนเครื่องใหม่อยู่
เลยต้องอัดด้วยกล้องcompact จาก samsung กันไปพลางก่อนน่ะค่ะ แฮะๆ


ไปดูเต็มๆจอกันได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=PzExM9mVQUY



รูปของลุคที่เสร็จแล้วค่ะ




เปลี่ยนสี pigment ค่ะ





ขอบคุณที่ติดตามรับชมกันนะคะ <3<3<3



Share:

Tuesday, November 27, 2012

How to : Bella in Breaking Dawn Part2 Makeup


สวัสดีค่ะทุกคน
เป็นยังไงกันบ้างคะ

วันนี้มี Video Tutorial มานำเสนอให้ติดตามรับชมกันอีกแล้วค่ะ
คราวนี้เรามาด้วยลุค สวยแบบ ธรรมชาติ(ไม่ลงโทษ)555
โดยแต่งหน้าตาม Bella นางเอก ใน Twilight Saga Breaking Dawn Part2 ภาคล่าสุดค่ะ

เนื่องจากรูปอ้างอิงให้แต่งตามเป๊ะๆหาได้ยากจริงๆ
การแต่งหน้าคราวนี้ก็จะมาจากการที่เราสังเกตและจำหน้าของ Bella ในเรื่อง
ว่าเค้าแต่งหน้ายังไง ประมาณไหนนะคะ

วิดีโอคราวนี้สั้นกว่าทุกครั้งค่ะ เป็นแบบอัดเสียงอธิบายลงไปทีหลัง
จริงๆก็ลองทำแบบต่างๆไปเรื่อยๆ หาแบบที่สั้นที่สุด ดูแล้วไม่น่าเบื่อที่สุดค่ะ แฮะๆ


ไปดูแบบเต็มๆจอกันได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=Seo1rT9W-sE




ภาพนิ่งของลุคค่ะ(ใส่ filter Sepia 1 ชั้น เพิ่มบรรยากาศ555)






หวังว่าจะชอบกันนะคะ ;)

ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันนะคะทุกคน<3<3<3


Share:
Blog Design Created by pipdig